วัดสว่างศรีลำชี, อำเภอจังหาร, ร้อยเอ็ด

วัดสว่างศรีลำชี

วัดราษฎร์นิกายมหานิกาย

ข้อมูลทั่วไป

ที่อยู่:แสนชาติ, จังหาร, ร้อยเอ็ด, 45000
จดทะเบียน:2426
วิสุงคามสีมา:2515
ประเภทการขึ้นทะเบียน:ตั้งวัด

ติดต่อ

โทร:+66 94 320 7106
ไม่มีเว็บไซต์
เวลาทำการ:
วันพุธ: เปิด 24 ชั่วโมง
วันศุกร์: เปิด 24 ชั่วโมง
วันเสาร์: เปิด 24 ชั่วโมง
วันจันทร์: เปิด 24 ชั่วโมง
วันอังคาร: เปิด 24 ชั่วโมง
วันอาทิตย์: เปิด 24 ชั่วโมง
วันพฤหัสบดี: เปิด 24 ชั่วโมง

สิ่งอำนวยความสะดวกข้อมูลพิเศษ

ที่จอดรถ
มีบริการ
ข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับการยืนยัน

รายละเอียด

เกี่ยวกับวัด


วัดสว่างศรีลำชี (หรือ วัดบ้านแซงแหลม) ตั้งอยู่ที่ตำบลแสนชาติ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด รหัสไปรษณีย์ 45000 เป็นวัดราษฎร์ สังกัดมหานิกาย ชื่อ “สว่างศรีลำชี” แสดงถึงความหมายอันเป็นมงคลและความเชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่


ประวัติความเป็นมา


วัดสว่างศรีลำชีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นวัดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2426 สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของชุมชนในเขตอำเภอจังหาร โดยมีฐานะเป็นศูนย์กลางทางจิตใจและวัฒนธรรมของชาวบ้านแซงแหลมและพื้นที่ใกล้เคียงมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่มีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ก่อตั้งหรือเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ แต่การดำรงอยู่ของวัดแห่งนี้ร่วมสมัยกับพัฒนาการของชุมชนท้องถิ่นในภาคอีสานในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น


สิ่งสำคัญและจุดน่าสนใจ


สถาปัตยกรรม

จากการสังเกต ลักษณะสถาปัตยกรรมและการเขียนสีของหอระฆังมีความคล้ายคลึงกับหอระฆังของวัดบ้านจังหาร ซึ่งอยู่ในเขตเดียวกัน แต่ลายละเอียดน้อยกว่า คาดว่าอาจสร้างโดยกลุ่มช่างเดียวกันหรือได้รับอิทธิพลทางศิลปกรรมจากแหล่งเดียวกัน

ศิลปกรรมท้องถิ่น

การตกแต่งภายในและภายนอกอาคารแสดงให้เห็นถึงฝีมือช่างพื้นบ้านอีสาน มีการใช้สีสันสดใสและลวดลายที่เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์

บทบาททางสังคม

นอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว ยังเป็นศูนย์รวมกิจกรรมของชุมชน เช่น การจัดงานบุญประเพณีต่าง ๆ และการให้การศึกษาพื้นฐานแก่เด็กในพื้นที่

เอกลักษณ์ชุมชน

ชื่อ “แซงแหลม” และ “ลำชี” ในชื่อวัดสะท้อนถึงภูมิศาสตร์และวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น ซึ่งมักผูกพันกับสายน้ำและการเกษตร


แม้ว่าข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโบราณวัตถุหรือพระพุทธรูปสำคัญภายในวัดจะยังไม่ปรากฏชัดเจนจากแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ แต่ความโดดเด่นของวัดสว่างศรีลำชีอยู่ที่การเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชุมชน และการรักษาไว้ซึ่งรูปแบบศิลปกรรมท้องถิ่นที่ยังคงเห็นได้จนถึงปัจจุบัน