5 วัดเก่าแก่ในอยุธยา: ประวัติศาสตร์และความสำคัญ
อยุธยา เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยวัดเก่าแก่และประวัติศาสตร์อันยาวนาน
บทความนี้รวบรวม 5 วัดสำคัญที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของศิลปกรรมยุคอยุธยา พร้อมข้อมูลที่คุณต้องรู้:
- วัดพระศรีสรรเพชญ์: เจดีย์ทรงปรางค์ 3 องค์ สูง 40 เมตร
- วัดมหาธาตุ: พระพุทธรูปในรากไม้ที่โดดเด่น
- วัดไชยวัฒนาราม: ปรางค์ประธานสูง 35 เมตร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
- วัดราชบูรณะ: วัดแห่งคลังสมบัติและจิตรกรรมฝาผนัง
- วัดนาพระเมรุ: วัดที่รอดพ้นจากการเผาทำลาย
เวลาเปิด-ปิด: 08:00–17:00 น.
ค่าเข้าชม: 50 บาท (ยกเว้นวัดนาพระเมรุ เข้าชมฟรี)
วางแผนเยี่ยมชมวัดเหล่านี้เพื่อสัมผัสความงดงามและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่หลงเหลือจากราชธานีอยุธยา!
เที่ยวอยุธยา วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระศรีสรรเพชญ์ 3 วัด
1. วัดพระศรีสรรเพชญ์: วัดหลวงสำหรับพระราชพิธี
วัดพระศรีสรรเพชญ์สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1948 โดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เพื่อเป็นวัดหลวงประจำพระราชวัง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวังหลวง[1].
จุดเด่นของวัดนี้คือเจดีย์ทรงปรางค์สามองค์ที่สูงถึง 40 เมตร ล้อมรอบด้วยเจดีย์ทรงระฆังและวิหารขนาดต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา[2].
วัดพระศรีสรรเพชญ์ยังเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีสำคัญ เช่น การผนวชพระมหากษัตริย์และพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา[3]. ต่อไปเราจะพาไปรู้จักวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญในประวัติศาสตร์ไทย.
2. วัดมหาธาตุ: ศิลปะพุทธในรากไม้
วัดมหาธาตุสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1917 ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1[4]โครงสร้างสำคัญคือปรางค์ประธานสูง 46 เมตร ล้อมรอบด้วยปรางค์บริวารและระเบียงคด ซึ่งสะท้อนการผสมผสานศิลปะขอมและไทยในยุคนั้น จุดที่โดดเด่นที่สุดคือพระพุทธรูปที่ถูกรากไม้โอบล้อม ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของวัดมหาธาตุ[4]
ในปี พ.ศ. 2176 สมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้ทรงบูรณะปรางค์ประธาน ก่อนที่โครงสร้างจะเสียหายจากการเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2310[4].
ส่วนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดคือพระพักตร์พระพุทธรูปที่โผล่พ้นรากไม้ขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ ภาพนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้มาเยือน[5].
ข้อมูลสำหรับผู้เข้าชม
- เวลาเปิด-ปิด: 08:00–17:00 น. ทุกวัน
- ค่าเข้าชม: 50 บาท
- ที่ตั้ง: มุมถนนชีกุน–นเรศวร, เกาะเมืองอยุธยา
- ข้อควรปฏิบัติ: ถอดรองเท้าและคุกเข่าขณะถ่ายภาพเพื่อแสดงความเคารพ; โบราณวัตถุบางส่วนจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา[5][6].
3. วัดไชยวัฒนาราม: พุทธสถานริมน้ำเจ้าพระยา
วัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา เป็นพุทธสถานที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2173 โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เพื่อรำลึกถึงพระราชมารดาและเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือกรุงละแวก[7][9]
วัดนี้ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา นอกเกาะเมืองอยุธยา โดยมีทางเข้าหันหน้าออกสู่แม่น้ำ ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมการเดินทางทางน้ำและอิทธิพลของศิลปะขอมในยุคนั้น[8][10]
สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ
วัดไชยวัฒนารามมีปรางค์ประธานสูง 35 เมตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเขาพระสุเมรุในคติความเชื่อทางพุทธศาสนา[7][10]
บริเวณรอบปรางค์ประธานยังมีองค์ประกอบที่น่าชม ได้แก่:
- เจดีย์ 8 องค์ ประดับด้วยภาพสลักชาดกที่งดงาม[8]
- ปรางค์บริวาร 4 องค์ ตั้งอยู่ที่มุมของระเบียงคด แทนทวีปทั้งสี่ตามคติจักรวาล[10]
- ระเบียงคด ซึ่งเคยประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยกว่า 100 องค์[8]
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์
วัดไชยวัฒนารามเคยเป็นวัดหลวงที่ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีพระบรมศพของเจ้านายหลายพระองค์[7]นอกจากนี้ ในช่วงสงครามครั้งสุดท้ายกับพม่า วัดแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นป้อมปราการอีกด้วย[8]และในปี พ.ศ. 2534 วัดไชยวัฒนารามได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก[7]
ข้อมูลสำหรับการเยี่ยมชม
- เวลาเปิด-ปิด: 08:00–17:00 น.
- ค่าเข้าชม: 50 บาท
- ที่ตั้ง: ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา นอกเกาะเมืองอยุธยา
- ไฮไลท์: ชมพระอาทิตย์ตกดินที่ปรางค์ประธาน พร้อมภาพสะท้อนบนผืนน้ำในช่วงน้ำขึ้น
4. วัดราชบูรณะ: วัดแห่งคลังสมบัติ
วัดราชบูรณะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดคลังสมบัติ” มีชื่อเสียงจากเรื่องราวเกี่ยวกับคลังสมบัติที่ถูกลืมเลือนในประวัติศาสตร์อยุธยา
วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1967 โดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) เพื่อถวายพระเพลิงพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ที่สิ้นพระชนม์ระหว่างการแย่งชิงราชบัลลังก์[11]
สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม
ปรางค์ประธานของวัดมีห้องคูหาใต้ฐาน ซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและเครื่องทองล้ำค่า ภายในยังคงหลงเหลือจิตรกรรมฝาผนังจากยุคอยุธยาตอนต้น แม้ภาพจะเลือนรางไปตามกาลเวลา[12]
การค้นพบคลังสมบัติและการอนุรักษ์
ในปี พ.ศ. 2500 ห้องคูหาใต้ฐานถูกขุดลักลอบนำพระพุทธรูปและเครื่องทองออกไป แม้ว่าจะสามารถจับตัวผู้กระทำผิดได้ แต่สมบัติที่กู้คืนมาได้มีเพียงบางส่วนเท่านั้น ปัจจุบันสมบัติที่เหลือถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานเจ้าสามพระยา[11]
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปะ
พระพุทธรูปที่ค้นพบในวัดนี้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานอิทธิพลของศิลปะขอมและสุโขทัย ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมในยุคอยุธยาตอนต้น นอกจากนี้ การขุดค้นเพิ่มเติมยังพบพระพุทธรูปหายากอีกหลายองค์[11]
5. วัดนาพระเมรุ: วัดที่ยังคงสภาพสมบูรณ์
วัดนาพระเมรุเป็นหนึ่งในวัดไม่กี่แห่งในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยาที่รอดพ้นจากการถูกเผาทำลายในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งสุดท้าย เมื่อปี พ.ศ. 2310[13]ชื่อของวัดหมายถึง “หน้าพระเมรุหลวง” ซึ่งเชื่อว่าเคยใช้เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงเชื้อพระวงศ์ในสมัยอยุธยา
พระอุโบสถของวัดมีขนาด 16×50 เมตร หันหน้าไปทางทิศใต้ โครงสร้างโดดเด่นด้วยเสาแปดเหลี่ยมที่มียอดเป็นรูปบัวตูม ฝ้าเพดานแกะสลักจากไม้และตกแต่งด้วยกระจกสี ส่วนหน้าบันมีลวดลายพระนารายณ์ทรงครุฑเหนือราหู พร้อมพญานาคและเทวดาประดับล้อมรอบถึง 26 องค์[13]
ภายในวิหารมีพระประธานคือพระพุทธนิมิตร ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 4.4 เมตร สูง 6 เมตร และในวิหารน้อยยังมีพระขันธาราช พระพุทธรูปหินสีเขียวศิลปะทวารวดี ที่มีอายุประมาณ 1,500 ปี[13]
วัดนาพระเมรุได้รับการบูรณะในสมัยรัตนโกสินทร์ และถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในปี พ.ศ. 2478 ปัจจุบันวัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ริมคลองสระบัว ทางฝั่งเหนือของคูเมือง และอยู่ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง[13]
ข้อมูลสำคัญของวัดโดยสังเขป
นี่คือข้อมูลที่น่าสนใจของวัดทั้ง 5 แห่งในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา:
วัด | ปีที่สร้าง | จุดเด่น | ค่าเข้าชม | เวลาทำการ |
---|---|---|---|---|
วัดพระศรีสรรเพชญ์ | พ.ศ. 1948 | เจดีย์ทรงปรางค์ 3 องค์ สูง 40 เมตร | 50 บาท | 08:00-17:00 น. |
วัดมหาธาตุ | พ.ศ. 1917 | พระพุทธรูปในรากไม้ที่มีชื่อเสียง | 50 บาท | 08:00-17:00 น. |
วัดไชยวัฒนาราม | พ.ศ. 2173 | ปรางค์ประธานสูง 35 เมตร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ | 50 บาท | 08:00-17:00 น. |
วัดราชบูรณะ | พ.ศ. 1967 | ห้องคูหาใต้ฐานปรางค์และจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม | 50 บาท | 08:00-17:00 น. |
วัดนาพระเมรุ | ไม่ปรากฏแน่ชัด | พระอุโบสถที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์จากการเผาทำลาย | เข้าชมฟรี | 08:00-17:00 น. |
วางแผนการเยี่ยมชม
เพื่อให้การเยี่ยมชมวัดเป็นไปอย่างราบรื่นและแสดงความเคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้:
- การแต่งกาย: สวมเสื้อผ้าที่สุภาพ เช่น เสื้อที่ปิดไหล่และกางเกงหรือกระโปรงที่ยาวคลุมเข่า หลีกเลี่ยงเสื้อกล้ามหรือกางเกงขาสั้น
- การเข้าวัด: ถอดรองเท้าก่อนเข้า และระมัดระวังไม่เหยียบธรณีประตู
- การปฏิบัติตัว: รักษาความสงบ ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ และหลีกเลี่ยงการแสดงความรักในที่สาธารณะ
- การถ่ายภาพ: ห้ามใช้แฟลชถ่ายภาพระหว่างพิธีกรรม เพื่อไม่รบกวนบรรยากาศ
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
วัดใดในอยุธยาที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุด และเพราะเหตุใด?
วัดมหาธาตุถือเป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในอยุธยา เนื่องจากเป็นวัดหลวงที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้นและเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ วัดมหาธาตุยังเคยเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและเป็นที่ตั้งของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีในยุคนั้น ทำให้วัดนี้มีบทบาทสำคัญต่อประวัติศาสตร์และพุทธศาสนาไทย
อีกทั้งซากปรักหักพังและโบราณสถานที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น พระปรางค์และเศียรพระพุทธรูปในรากไม้ ยังสะท้อนถึงความงดงามของสถาปัตยกรรมและศิลปะในยุคอยุธยา วัดมหาธาตุจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทย
สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังวัดสำคัญในอยุธยาได้อย่างไร?
การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังวัดสำคัญในอยุธยาสามารถทำได้หลายวิธีตามความสะดวกของคุณ:
- รถยนต์ส่วนตัว: ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) หรือเส้นทางหลวงหมายเลข 9 (ถนนวงแหวนรอบนอก) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
- รถไฟ: ขึ้นรถไฟจากสถานีรถไฟหัวลำโพงหรือสถานีบางซื่อ ไปยังสถานีอยุธยา ใช้เวลาประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง ค่าโดยสารเริ่มต้นประมาณ 20-50 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของรถไฟ
- รถตู้/รถบัส: มีบริการรถตู้หรือรถบัสจากสถานีขนส่งหมอชิตไปยังอยุธยา ค่าโดยสารประมาณ 60-100 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง
เมื่อถึงอยุธยาแล้ว คุณสามารถเช่าจักรยาน มอเตอร์ไซค์ หรือจ้างรถตุ๊กตุ๊กเพื่อตระเวนชมวัดต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก
มีกฎระเบียบหรือข้อควรปฏิบัติอะไรบ้างในการเข้าชมวัดเก่าแก่ในอยุธยา?
ในการเข้าชมวัดเก่าแก่ในอยุธยา มีข้อควรปฏิบัติเพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และรักษามรดกทางวัฒนธรรม:
- การแต่งกาย: ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ผู้หญิงควรใส่เสื้อมีแขนและกระโปรงหรือกางเกงขายาว หลีกเลี่ยงชุดที่ไม่สุภาพ เช่น เสื้อแขนกุดหรือกางเกงขาสั้น
- ข้อห้าม: ห้ามปีนป่ายหรือสัมผัสโบราณสถาน และควรงดการกระทำใด ๆ ที่อาจสร้างความเสียหายต่อสถานที่
- เวลาทำการ: วัดส่วนใหญ่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08:00 น. ถึง 17:00 น.
- ค่าเข้าชม: วัดบางแห่งอาจมีค่าเข้าชมประมาณ 50 บาท แต่บางวัด เช่น วัดนาพระเมรุ อาจไม่เสียค่าเข้าชม
เพื่อให้การเยี่ยมชมเป็นไปอย่างราบรื่น ควรศึกษาข้อมูลล่วงหน้าและปฏิบัติตามกฎระเบียบของแต่ละวัดเสมอ